วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ดอกไม้หายาก"พวงหยก"


พวงหยก


ชื่อวิทยาศาสร์ Strongylodon macrobotrys.
ตระกูล LEGUMINOSAE
ชื่อสามัญ Jade Vine.


ลักษณะโดยทั่วไป
ต้น -พวงหยกเป็นไม้เถาเลื้อย เนื้อแข็ง เถามีสีน้ำตาลเข้ม มักเลื้อยไปตามหลักต่าง ๆ หรือตามกำแพง
แล้วจะทิ้งต้นย้อยลงมา แลดูสวยงาม จึงนิยมปลูกพวงหยกบริเวณริมกำแพง ซุ้มประตู หรืออาจ
เป็นซุ้มที่นั่งเล่น หรือซุ้มในสวนสาธารณะ

ใบ  - ลักษณะของใบเป็นใบประกอบที่มีขนาดใหญ่ ใบมีความกว้างประมาณ 4 เซนติเมตร และยาว
ประมาณ 13 เซนติเมตร ใบจะออกสลับซ้าย - ขวา ไปตลอดกิ่ง และใบหนึ่งก้านใบ จะมีใบย่อย
3 ใบ ใบจะค่อนข้างรี มีปลายใบและโคนใบแหลม

ดอก  - ลักษณะของดอกจะออกเป็นช่อแล้วห้อยลง ดอกมีสีเขียวหยกดอกจะเริ่มทยอยบานจากบริเวณ
โคนช่อก่อน ลักษณะของตัวดอกนั้นจะคล้ายกับดอกแค แต่ดอกพวงหยกจะมีขนาดใหญ่กว่าดอก
แต่ละดอกจะมีก้านดอกยึดติดกับแกนของช่อรวมกันเป็นพวง มีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูประ
ฆังส่วนกลีบดอกนั้นจะแบน ภายในหนึ่งดอกจะมี 5 กลีบ มีขนาด ต่าง ๆ มีเกสรตัวผู้อยู่กลางดอก
10 กัน ช่อดอกที่สมบูรณ์มีความยาวประมาณ 65-70 เซนติเมตร
- พวงหยก ออกดอกในช่วงฤดูหนาว

ปลูกโดยการใช้เมล็ด จะต้องนำเมล็ดของพวงหยกมาเพราะในกะบะเพาะ เมื่อเมล็ดแตกเป็นต้นอ่อนมีใบแท้ 2 ใบ ก็ให้ย้ายต้นอ่อนลงถุงกระดาษ ขนาดเล็กถุงละ 1 ต้น ช่วงแรกให้วางต้นกล้าไว้ในที่ร่มสัก 2 วัน แล้วจึงค่อยนำถุงต้นกล้าออกวางให้ได้รับแสงแดดบ้าง จนได้รับแสงแดดเต็มที่ ต้นกล้าก็จะมีใบเพิ่มขึ้นเป็น 4-6 ใบ หรือประมาณ2 สัปดาห์ ก็สามารถนำต้นกล้าลงปลูกในบริเวณที่ต้องการได้การปลูกให้ขุดหลุมปลูก ขนาดกว้าง ลึกประมาณ 1 x 1 ฟุต

การดูแลรักษา
พวงหยกเป็นไม้กลางแจ้งที่ต้องการแสงแดดพอสมควร จึงเหมาะที่จะปลูกในบริเวณที่แสงแดดส่องได้ถึงหรืออาจจะปลูกบริเวณรั้วบ้านก็ได้
พวงหยกต้องการน้ำปานกลาง การให้น้ำควรให้วันละครั้ง ในตอนเช้าก็เพียงพอแล้ว  และ ดินที่จะใช้ปลูกพวงหยก มักจะเป็นดินร่วน หรือดินร่วนปนทรายที่สามารถระบายน้ำได้ดี หรือไม่เป็นดินเหนียวที่อุ้มน้ำไว้มากเกินไป ปุ๋ยที่ใช้ส่วนใหญ่มักจะเป็นปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักมากกว่าปุ๋ยเคมี แต่หากจะใช้ปุ๋ยเคมีก็ให้ใช้ปุ๋ยสำหรับไม้ดอกก็ได้

การขยายพันธุ์
พวงหยกมีวิธีการขยายพันธุ์โดยการปักชำกิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น